ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ผิวขาวกระจ่างใส…ท้าแดด

            ผิวคุณ…ผิวขาวกระจ่างใสรึป่าวจ๊ะ? หลายๆคนมักไม่อยากที่จะออกแดดไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือกิจกรรมอื่นๆ เพราะกลัวผิวขาวกระจ่างใสของเรานั้นคล้ำเสีย นั่นอาจจะทำให้เราอาจพลาดโอกาสในการทำสิ่งใหม่ๆ หรือกิจกรรมที่สนุกสนานไปนะจ๊ะ จริงอยู่ค่ะที่ว่า แสงแดดจะทำให้ผิวขาวๆของเรานั้นเกิดการคล้ำเสีย เนื่องจากผิวของเรานั้นสัมผัสกับรังสียูวีโดยตรง ทำให้เกิดจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวแห้งและหยาบกร้าน ใครที่อยากมีผิวขาวกระจ่างใสอยู่เสมอ โดยอยากที่ไม่พลาดโอกาสที่จะทำกิจกรรมสนุกๆ อย่างการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือ เดินเล่นชอปปิ้ง โบว์มีเคล็ดลับทำให้ผิวที่คล้ำเสียกลับมาเป็นผิวขาวสวยเปล่งปลั่งมาแนะนำคะ

-    อาหารช่วยผิวสวย อย่างที่รู้ๆกันนะคะว่าผิวสวยนั้นต้องมาจากอาหารที่มีคุณค่า อย่างเช่น นม เนย ผักและผลไม้สดต่างๆ ถั่วเหลือง เป็นต้น อาหารจำพวกนี้จะช่วยต้านความเสื่อมของผิว และซ่อมแซมผิวหนังที่เสียไปของเราให้กลับมาสดใสอีกครั้งคะ
-    การขัดผิ ขอแนะนำว่าควรขัดผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายหรือเสื่อมสภาพนะจ๊ะ เพราะเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวที่ถูกขัดออกไป แค่นี้เราก็จะมีผิวขาวกระจ่างใสมากกว่าเดิมแล้วนะ
-    ครีมบำรุงผิว เมื่อเราทำความสะอาดผิวทุกครั้ง ก็ควรจะบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวที่คล้ำเสียให้ดีขึ้น โดยการทาครีมให้เหมาะกับผิวแต่ละประเภทนะจ๊ะ อย่างเช่น ผิวแห้ง ก็ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ให้มากหน่อย เป็นต้น ที่สำคัญ อย่างลืมตามด้วยครีมกันแดดนะจ๊ะ วิธีนี้จะช่วยบำรุงและป้องกันผิวขาวๆของเราแล้ว ยังจะช่วยให้ผิวเราชุ่มชื้นอีกด้วยค่ะ
ผิวขาวกระจ่างใส มีได้กันทุกคน เพียงแค่ต้องรู้จักทานอาหารที่มีประโยชน์ ดูแลทำความสะอาด บำรุง และปกป้องผิวขาวๆของเราอย่างถูกวิธีนะคะ


Tips:
-    หลังจากทำความสะอาดผิวทุกครั้ง ควรทาครีมบำรุงผิวและตามด้วยครีมกันแดดนะจ๊ะ ถึงแม้เราจะไม่ได้ออกแดด แต่ผิวก็คล้ำได้ เพราะแสงจากหลอดไฟหรือแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิว ขาวของเราเกิดการคล้ำเสียจ๊ะ
-    การอยู่ในห้องแอร์นานๆจะทำให้ผิวของเราแห้ง ควรทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นนะ ผิวของเราจะได้เปล่งปลั่งสดใสตลอดเวลาจ๊ะ
-    สำหรับสาวๆที่อยากเพิ่มความกระจ่างใสด้วยระยะเวลาที่รวดเร็ว อาจจะต้องเสริมเติมแต่งสักเล็กน้อยนะจ๊ะ ด้วยการใช้ผงชิมเมอร์ เพื่อสร้างความเรืองรองกระจ่างใสให้ผิวได้

การดูแลผิวด้วยเกลือ


เกลือ นอกจากมีประโยชน์ด้านคุณค่าทางโภชนาการแล้ว เกลือยังสามารถนำมาดูแลผิวให้มีสุขภาพดีได้อีกด้วย
ลดรอยช้ำรอบดวงตา มีวิธีง่าย ๆ โดยผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำร้อน 1/2 ถ้วย ใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำเกลือ ปิดตาไว้สัก 5-10 นาที รอยช้ำรอบดวงตาจะค่อยๆ จางลง
ลดความมันบนใบหน้า โดยเริ่มจากใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนพอหมาดมาปิดหน้าไว้สัก 3-5 นาที เพื่อช่วยเปิดรูขุมขนก่อน แล้วจึงค่อยใช้เกลือ 1 ช้อนชา ผสมน้ำ ใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นน้ำที่ผสมเกลือให้ทั่วใบหน้า จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้แห้ง
เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวพรรณ โดยใช้เกลือ 1/2 ถ้วย ผสมลงในอ่างอาบน้ำ แช่ตัวประมาณ 15-20 นาที จากนั้นเช็ดตัวให้แห้ง แล้วทาโลชั่นให้ทั่วร่างกาย เกลือจะช่วยให้ผิวชุ่มชื่นยิ่งขึ้น หรือขัดผิวให้สวยใสโดยใช้เกลือผงถูตัว แล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าขนหนูขัดให้ทั่วตัว โดยเกลือจะช่วยให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดออกมา ขณะเดียวกันก็กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายอีกด้วย
ผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าที่เท้า โดยผสมเกลือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำอุ่น แล้วแช่เท้าทั้งสองข้างไว้ จะช่วยให้รู้สึกคลายความเมื่อยล้าได้

การดูแลผิวพรรณด้วยสมุนไพร

              ความสวยความงาม นับเป็นเรื่องที่มนุษย์เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลต่อจิตใจของผู้คน หรือเรียกว่าเป็นจิตวิทยาของโลกเลยทีเดียว การได้เห็นของสวยๆ งามๆ ย่อมทำให้จิตใจชุ่มชื่น แต่อย่างไรก็ตาม การดูแลร่างกายให้มีสุขภาพสมบูรณ์ด้วยทางอาหารที่ครบถ้วน ก็จะทำให้ผิวพรรณสดใสงดงามได้
แต่ในปัจจุบันนี้สังคมได้พัฒนาไปมากด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ได้มีการสกัดสารสำคัญจากธรรมชาติ เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นบำรุงผิวพรรณ หรือเครื่องประทินความงามอื่นๆ มาวางตลาดให้เลือก แต่ย่อมมีราคาแพง จึงเป็นผลให้คนที่ยึดติดกับเรื่องความสวยความงามต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นอัน มาก
สถาบันการแพทย์แผนไทย เล็งเห็นความต้องการของประชาชน จึงพยายามค้นหาทางเลือกให้สำหรับคนรักสวยรักงาม แต่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายก็อาจเลือกใช้สารจากธรรมชาติในการดูแลความงาม ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไปซื้อหาให้มากด้วยราคา
ฉะนั้นในฉบับนี้ สถาบันการแพทย์แผนไทย จึงคัดเลือกสมุนไพรที่มีผลต่อความงามของผิวพรรณ พร้อมวิธีใช้มาเสนอ อาทิ ว่านหางจระเข้ ซึ่งมีจารึกไว้ว่า แม้แต่พระนางคลีโอพัตราก็ยังใช้ว่านหางจระเข้ ในการบำรุงผิวพรรณ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรู้สมัยใหม่ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมความงามนั้นก็ได้นำความรู้ดั้งเดิม มาประยุกต์ ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญาไทย หรือภูมิปัญญาพื้นบ้านต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งมีส่วนเป็นอย่างมากในการพิจารณาผลิตภัณฑ์เสริมความงาม
สมุนไพรบำรุงผิวหน้าและผิวกาย
1. ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle) คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางค์หลายอย่างที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติ สามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึมทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้นว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่าว่านหางจระเข้มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิวและลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
การใช้ว่านหางจระเข้เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออกใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใสที่อยู่ภายใน ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่าตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาวของว่านหางจระเข้ทาตรงบริเวณโคนหูแล้วทิ้งไว้ สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดงแสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว
นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้านและลดความมันของผิวหน้า ได้ โดยคนที่มีผิวที่มันก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้งก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้
2. งา (Sesamum indicum Linn., S. orientle,L) เป็นพืชล้มลุกให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำและสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ประมาณ 45-54 % น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออกโดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนังเพื่อบำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่อง ช่วยประทินผิวให้นุ่มนวลไม่หยาบกร้าน
3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.) จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกว่ายังมีเอนไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอนไซม์ชนิดนี้จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่มเกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสดผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาดแทนน้ำแตงกวา ปัจจุบันมีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช่วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพรที่หาง่ายมีประโยชน์ราคาถูก ใช้ติดต่อกันเป็นประจำจะทำให้สวยสดชื่นมีน้ำมีนวล
4. มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.) ในมะเขือเทศจะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุกจะมีสาร 1icopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียได้ และน้ำมะเขือเทศสด นำมาพอกหน้าจะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้
5. ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.) ในขมิ้นจะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัวเพื่อให้มีสีเหลืองทองใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิดได้อีกด้วย
6. น้ำผึ้ง (Apis dorsata) ได้จากผึ้ง ในน้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส, ฟรุกโตส, ขี้ผึ้ง, อัลบูมินอยด์, ละอองเกสรดอกไม้, และฮอร์โมนเอสโตรเจนจำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้าทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้งเป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติที่ให้ประโยชน์สูงและหาง่าย นอกจากนี้ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะช่วยบำรุงหนังศรีษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม
7. มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn) มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขามจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบันได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่นและนมสดผสมให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิวให้นุ่มได้
จากที่กล่าวมาแล้ว เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีการใช้สืบต่อกันมาเป็นเวลานาน และได้ถูกลืมไปชั่วระยะหนึ่ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และค่านิยมของคนไทยต่อค่านิยมด้านวัตถุ ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจสินค้าจากต่างประเทศ แต่ปัจจุบันเป็นที่สังเกตว่าคนต่างประเทศสนใจภูมิปัญญาไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงาม ซึ่งจะเห็นบ่อยว่ามีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามที่มีส่วนผสมของสมุนไพร
การที่เราหันไปใช้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ใช้สะดวกราคามักจะสูง แต่ถ้าเรานำเอาวัตถุดิบที่มีอยู่ในบ้านเรามาใช้เอง ได้สารสำคัญที่สดใหม่ ราคาถูก ไม่มีสารเคมีเจือปน อะไรที่เราหาได้ง่าย และเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราปลูกใช้ได้เราจะทำให้เราพึ่งตนเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่เช่นปัจจุบัน

8 วิธีดูแลผิวสวยด้วยธรรมชาติ

     ผิวพรรณเป็น ส่วนของร่างกายที่สำคัญส่วนหนึ่ง นอกจากจะเป็นอวัยวะ ที่ใหญ่ที่สุดของร่างกายแล้ว ยังเป็นอวัยวะที่อยู่นอกสุด ซึ่งเป็นส่วนที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน บุคลิกภาพที่ดีจึงขึ้นกับการมีผิวพรรณที่งดงามและมีสุขภาพดีด้วย
เพื่อบำรุงให้มีสุขภาพดี หลายคนจึงต่างยอมทุ่มเทเงินทอง เพื่อสรรหาครีมหรือยาต่างๆ มาบำรุงผิวพรรณกัน บางคนยอมเสียเงินเรือนหมื่น เรือนแสนเพื่อเข้าคอร์สบำรุงผิวด้วยความหวังว่าจะได้มีผิวงามมาประดับกาย ซึ่งวิธีเหล่านี้บางครั้งนอกจากจะทำให้สิ้นเปลืองเงินทองแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อ
ผิวพรรณด้วย

เราจะได้คุยกันถึงเคล็ดลับของการดูแลให้ผิวสวซึ่งเป็นด้วยธรรมชาติวิธีที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์นะครับ
วิธีที่ 1 - การล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน เพื่อชำระล้างเหงื่อไคล ไขมันและขี้ไคลออกจากผิวหนัง เวลาล้างหน้าให้ล้างเบาๆ แล้วซับน้ำให้แห้ง ด้วยผ้าขนหนูสะอาด อย่าใช้ผ้าจนหนูถูหน้าแรงๆ เพราะจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น ไม่ควรใช้แปรงฟองน้ำ หรือสบู่ที่ผสมเม็ดขัดถู ขัดถูใบหน้าเพราะทำให้ใบหน้าระคายเคือง และกระตุ้นให้สิวกำเริบมากขึ้น

วิธีที่ 2 - หากเป็นสิวน้อย อาจทายาเองได้ ผู้ที่มีปัญหาสิวเพียงเล็กน้อย เช่น สิวหัวดำ, หัวขาว, หรือสิวอักเสบเพียง 1-2 เม็ด อาจหาซื้อยามาทาเองได้ แต่ต้องอ่านฉลากยาให้เข้าใจวิธีใช้โดยละเอียดเสียก่อน หากใช้ครีมทารักษาสิวแล้ว เกิดอาการผิวแห้งหรือระคายเคือง ควรปรึกษาแพทย์ ต้องระวังยาที่โฆษณาว่า รักษาได้ทั้งสิวและฝ้า เพราะยาพวกนี้มักผสมสเตียรอยด์ ซึ่งอาจทำให้สิวยุบเร็วจริง แต่มีข้อแทรกซ้อนตามมามากมาย ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบมาก จัดเป็นโรคผิวหนัง จำเป็นต้องได้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์ ยากรักษาสิวบางตัว อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการได้

วิธีที่ 3 - พิจารณาให้ดีก่อนใช้เครื่องสำอาง ควรเลือกใช้เครื่องสำอาง ที่ไม่มีผลต่อการทำงานของผิวหนังต้องไม่มีสารสเตียรอยด์เจือปน ควรเลือกใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นที่ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมี ที่กระตุ้นให้เกิดสิวเครื่องสำอางที่มีราคาแพงที่สุด อาจไม่ใช่เครื่องสำอางที่ดีที่สุด หรือเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

วิธีที่ 4 - การรักษาสิวโดยการผ่าตัด ไม่แนะนำให้บีบแกะสิวออกด้วยตนเอง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบลุกลามและเกิดแผลเป็นได้มาก แพทย์อาจพิจารณากดสิวอุดตันหัวดำออกให้ในกรณีที่จำเป็น ส่วนในกรณีที่มีสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในสิว อาจทำให้สิวยุบลงอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับกรณีเร่งด่วน เช่น จะเข้าพิธีแต่งงานในวันรุ่งขึ้น แต่วิธีนี้ก็อาจเกิดผลแทรกซ้อนตามมาได้ ส่วนการใช้แผ่นขจัดสิวเสี้ยนนั้น หากใช้บ่อยครั้งเกินไป ผิวอาจอักเสบระคายเคือง และเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวมากขึ้นได้

วิธีที่ 5 - หลีกไกลรอยเหี่ยวย่นโดยขจัดสาเหตุต้นตอ รอยเหี่ยวย่นบนผิวหน้าของคนเราแบ่งเป็น 3 ชนิด ใหญ่ๆ คือ รอยเหี่ยวจากอารมณ์ รอยเหี่ยวจากแสงแดด และรอยเหี่ยวแห้ง ผู้ที่มีแต่ความเครียดชอบหน้านิ่วคิ้วขมวด หรือเลิกหน้าผาก จะเกิดร่องย่นได้ตามหัวคิ้วและหน้าผากครีมบำรุงผิว ที่อ้างว่าลบรอยเหี่ยวต่างๆ จึงไม่เป็นจริง เพราะเครื่องสำอางเหล่านี้ ออกฤทธิ์เพียงแค่ผิวชั้นนอกสุดคือ ชั้นขี้ไคล แต่ส่วนที่เสียไปคือ ส่วนชั้นหนังแท้การป้องกันรอยเหี่ยวย่น 3 แบบนี้ คือ การมีอารมณ์แจ่มใส อย่าหน้านิ่วคิ้วขมวด เพื่อลดรอยเหี่ยวย่นจากอารมณ์ หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด เพื่อป้องกันรอยเหี่ยวย่นจากแสงแดด และการใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นทา ในกรณีของรอยเหี่ยวแห้ง

วิธีที่ 6 - รักษาฝ้าและกระโดยการเลี่ยงแสงแดด ยังไม่มีวิธีใดที่รักษาฝ้าให้หายขาดและไม่เกิดขึ้นใหม่ได้อีก จึงไม่ควรเสียเงินและเวลาให้กับการรักษาฝ้าและกระจนเกินไป ในต่างประเทศถือว่ากระเป็นเสน่ห์ของใบหน้า (cute spots) หนทางที่ดีที่สุดในการป้องกันและรักษาฝ้าและกระคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดด ในช่วง 8.00-17.00 น. เพราะรังสีในแดด นอกจากทำให้ฝ้าและกระเข้มขึ้น ยังทำให้ผิวเหี่ยวแก่ และเกิดมะเร็งผิวหนังได้

วิธีที่ 7 - พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การทำงานหนักโดยไม่พักผ่อนเลย หรือเอาแต่เล่นโดยไม่ทำงานให้เป็นแก่นสาร ต่างมีผลเสียต่อสุขภาพ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ก่อผลเสียต่อผิวได้ การสูบบุหรี่นอกจากจะมีผลต่อสุขภาพของร่างกายทั่วไปแล้ว ยังทำให้ใบหน้าแลดูแก่ก่อนวัยไปนับ 20 ปี เพราะนิโคตินทำให้เส้นเลือดหดตัว เซลล์ผิวหน้าจึงขาดสารอาหารเกิดริ้วรอยเหี่ยวแก่ขึ้น นอกจากนั้นการดื่มเบียร์ดื่มเหล้า ดื่มไวน์ ตลอดจนยาเสพติดในทุกรูปแบบต่างก่อปัญหาแก่ผิวทั้งสิ้น จึงควรดูแลสุขภาพด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ คือนอนหลับวันละไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมง รับประทานอาหารให้ครบหมู่และควรรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ เพราะอาหารที่มีไขมันสูงจะทำให้อ้วน ซึ่งทำให้โรคผิวหนังหลายอย่างเช่น กลาก เกลื้อน สะเก็ดเงิน ผิวแตกลาย ติ่งเนื้อ และมะเร็งผิวหนังเป็นได้ง่ายขึ้น และดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว จะช่วยให้ผิวหนังนุ่มนวลได้ ไม่มีอาหารเสริมหรือวิตามินมหัศจรรย์ตัวใดที่จะทำให้ผิวสวยได้ หากไม่ปฏิบัติตามกติกาอนามัยพื้นฐานเหล่านี้

วิธีที่ 8 - อยากมีผิวสวยต้องไม่เครียด อารมณ์กับสุขภาพผิว ถือเป็นสิ่งที่มีความสัมพันะกันแนบแน่นความเครียดทำให้ผิวหนังอักเสบเป็นลม พิษ ผมร่วง หรือสิวกำเริบขึ้นได้ บางรายเวลาเครียดมากจะแกะสิวเล่น ทำให้ใบหน้าเกิดแผลเป็นและยิ่งเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก วิธีหลีกเลี่ยงความเครียด มีหลายวิธี เช่น การออกกำลังกาย การปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา การนั่งวิปัสสนา การเล่นโยคะ การนวด การมีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดีและสดใส เหล่านี้ ย่อมทำให้จิตใจเบิกบาน และเมื่อมีสุขภาพจิตดีแล้ว สุขภาพผิวก็จะดีตามไปด้วยอย่างแน่นอน

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มังคุดทำลายเซลล์มะเร็ง




ใครที่ชอบทานมังคุด ทราบหรือไม่ว่า มังคุดก็สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาบอกกัน...
นัก วิทยศาสตร์ ได้ศึกษาสารสกัดจากเปลือกมังคุดพบฤทธิ์จู่โจมเฉพาะเซลล์มะเร็งในร่างกาย โดยไม่สร้างความเสียหายให้เซลล์ดีที่อยู่รายรอบผลการทดลอง สารสกัดจากเปลือกมังคุดสามารถจัดการกับเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี แม้จะใช้เพียงเล็กน้อยเพียง 4 มิลลิกรัมก็ตามสารสกัดจากเปลือกมังคุดที่นำมาใช้ในการศึกษานี้ ได้รับการสนับสนุนจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยการทดสอบพบว่า สารสกัดในปริมาณ 4 มิลลิกรัม ดังกล่าว สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้กว่า 50% ของเซลล์มะเร็งทั้งหมด และจากการขยายผลนำสารสกัดไปทดสอบกับเซลล์มะเร็งอื่น ก็พบว่าสามารถออกฤทธิ์ดีในการทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้และเซลล์มะเร็งตับ
รู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองหันมาทานมังคุดกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี

"วิธีคลายเครียดจร้า"

>> มาคลายเครียดกันเถอะค่ะ เพื่อสขุภาพและจิตใจที่สดชื่น แจ่มใส

10 วิธี กับการคลายความเครียด

1. ฟังเพลง หามุมสงบ
นั่ง ปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบา ๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลงหรือเสียงธรรมชาติ จำพวกเสียงคลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคื่นสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เชียวล่ะ

2. ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์
ขอ แนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตีตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ เพราะการไปดูหนังเนี่ยเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้ ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา แถมระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล แต่ต้องถามตัวเองก่อนนะว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย

3. โทรหาเพื่อนรู้ใจ
อย่า คิดว่าตัวเองจะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ดีไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสันคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา จะทำให้ชีวิตที่เอียงกะเท่เร่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกไงล่ะ

4. เขียนไดอารี่
การ เขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจ ต่างๆ ได้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น อีกทั้งระหว่างการเขียนไดอารี่นั้นยังถือเป็นการทบทวนความรู้สึกตัวเองที่ดี ที่สุดด้วย ส่วนข้อดีสุดเลิศอีกข้อก็คือ ไดอารี่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด เพราะรับฟังเราเสมอและไม่เคยเอาความลับไปบอกต่อไงล่ะ

5. พลังแห่งการสัมผัส
ลอง มองหาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบา ๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าดูสิ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัสเนี่ย จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน" ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

6. สร้างอารมณ์ขัน
พยายาม มองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขันช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีก ครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ" ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้นหัวเราะเข้าไว้ แล้วจะดีเอง

7. สูดกลิ่นหอม
รู้ หรือเปล่าว่า...กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัส ให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียด ๆ ก็ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้สิ อย่างกลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี แล้วนอนแช่ตัวให้เพลินสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ

8. ไปตากอากาศ
หา เวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก สิ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุเนี่ยมันมาจาก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เพราะฉะนั้นหลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาวเสียบ้าง หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น

9. หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน
ลอง หาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่นก็ไม่ เลวนะ เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยนะ

10. จินตนาการแสนสุข
อีก ทางเลือกสำหรับการบรรเทาความหดหู่ในส่วนลึก เป็นการดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน ทำได้โดยหลับตาแล้วหายใจลึก ๆ จากนั้นก็สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้ หรือแม้แต่ความหลังอันแสนสุขที่เคยมีการดึงความสุขจากจินตนาการมาใช้จะ ทำ ให้เกิดพลังสร้างสรรค์ในหัวใจ และยังช่วยสลายความเครียดข้างในได้เป็นอย่างดี ทำแบบนี้เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองรู้สึกดีแบบทันตาเห็น

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การมาสก์หน้า

การมาสก์หน้า สามารถช่วยให้ใบหน้าเราดูดีขึ้นได้ค่ะ

สูตรน้ำผึ้ง 

          ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆ สักครู่ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียวนวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ระหว่างนั้นให้นอนพักศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยงที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อครบเวลาแล้วค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออกให้สะอาด


สูตรแอปเปิ้ล

          ปอกแอปเปิ้ลคว้านเอาไส้และเมล็ดออก บดให้ละเอียด ขณะที่บดให้ผสมน้ำผึ้งลงไปด้วย เมื่อบดจนเข้ากันดีแล้ว นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที แล้วใช้นมสดเย็นๆ ล้าง ตามด้วยน้ำสะอาดอีกที


สูตรแตงโม

          ฝานแตงโมเป็นชิ้นบางๆ จากส่วนที่แดงที่สุด นำมาแปะให้ทั่วใบหน้าแล้วใช้ผ้าคลุมหน้าไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น


 สูตรไข่ขาว 

          ต่อยไข่ไก่ 1 ฟอง แยกไข่แดงออกเทเฉพาะไข่ขาวลงในถ้วย ใช้ส้อมตีไข่ขาวจนเป็นฟองพอสมควร แล้วใช้แปรงขนนุ่มจุ่มไข่ขาวทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หรือพอไข่ขาวเริ่มจับตัวแข็งแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น


 สูตรมะเขือเทศ 

          ฝานมะเขือเทศชิ้นหนาๆ ถูให้ทั่วใบหน้าและลำคอเบาๆ ตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน มะเขือเทศมีวิตามินซีและกรด AHA จะช่วยลอกผิวหน้าที่ตายแล้วให้หลุดออกได้ หลังจากนั้นจึงค่อยใช้สำลีชุบน้ำเย็นเช็ดมะเขือเทศออกให้สะอาด


สูตรโยเกิร์ต 

          สำหรับทุกสภาพผิว โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/2 ถ้วย น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวคั้นสดๆ 1 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากันแล้วพอกทั้งหน้า ทิ้งไว้ 15–20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกและบำรุงผิว ให้ชุ่มชื้น